"เรามีความชำนาญเฉพาะทางด้านการนวดจัดกระดูก (Chiropractic) , เชี่ยวชาญเรื่องกระดูก เส้นประสาท เส้นเอ็น ข้อต่อ และ กล้ามเนื้อ บรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากกระดูกทับเส้นประสาท แนวกระดูกผิดรูป อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สมดุล ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวด ตามที่ต่างๆ ของร่างกาย การนวดจัดกระดูกเป็นการนวดเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่ถูกกดทับ ซึ่งเป็นนวดที่บรรเทาอาการปวดที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องทานยา และแก้ปัญหาอาการปวดได้ตรงจุด ตามแบบฉบับของประเทศจีนที่สั่งสมเทคนิคการนวดจัดกระดูกถ่ายทอดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

อาการปวดคอ

อาการปวดคอ ผ่อนคลาย บรรเทาได้ด้วยการจัดกระดูก ปลอดภัย ไม่ต้องทานยา

อาการปวดคอ หรือ ปวดบริเวณก้านคอ โดยทั่วไปมักจะหายไปได้เอง เมื่อมีอาการแล้วผู้ป่วยควรดูแลตัวเองโดยการพักร่างกาย นวดคลายกล้ามเนื้อ หรือรับประทานยาแก้ปวด ลดอักเสบ แล้วอาการปวดก็จะดีขึ้นเอง แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการปวดคอแบบเรื้อรัง ทั้งๆที่มีการดูแลสุขภาพแล้ว แต่อาการปวดคอก็ยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการปวดคอแล้วปวดลุกลามไปยังบริเวณอื่น เช่น ปวดคอร้าวไปยังแขน ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าปล่อยอาการปวดคอทิ้งไว้นาน จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อคอ กล้ามเนื้อบริเวณสะบักโดยรอบเกิดการหดเกร็ง ส่งผลให้กลายเป็นพังผืดบริเวณกล้ามเนื้อ จะทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก ดังนั้น ถ้ามีอาการปวดคอ อย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบหาสาเหตุและรีบรักษาอาการปวดคอให้หายดี


การป้องกันอาการปวดคอ

อาการปวดคอ สามารถป้องกันได้หลากหลายวิธี ดังนี้

- พยายามจัดท่าของร่างกายให้แนวโครงกระดูกตั้งแต่ ศรีษะ คอ คาง ไหล่ ตรงอยู่เสมอ , เช่น การนั่ง ต้องนั่งหลังตรง อย่านั่งหลังค่อม ต้องพยายามยืดตัวให้ตรงเสมอ , ถ้าต้องใช้สายตา ให้รักษาการมองในระดับสายตา ไม่ต้องก้มหน้า หรือเงยหน้ามองบ่อยๆ

- หลีกเลี่ยงการนั่งทำงาน นานๆ หรือขับรถต่อเนื่อง นานเกินกว่า 1 ชั่วโมง ควรเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 20 นาที

- ความสูงของหมอนควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม รองรับแนวกระดูกคอและช่วงไหล่ หมอนไม่ควรแข็ง หรือนิ่มเกินไป หมอนควรมีความยืดหยุ่น เพื่อรองรับน้ำหนักโครงสร้างกระดูกคอเวลานอน


รู้จักกระดูกคอ

สาเหตุหลักของอาการปวดคอ มักเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ เนื่องจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากกระดูกคออยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง หรือกระดูกคอเสื่อม

คอ เป็นช่วงกระดูกที่เชื่อมต่อระหว่างศรีษะและลำตัว ประกอบด้วยกระดูกคอ และกล้ามเนื้อ ที่ทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหว ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้เป็นส่วนหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดคอได้ กระดูกคอ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนทั้งหมด 7 ส่วน เรียกว่า cervical spine ซึ่งชิ้น C1 จะอยู่ติดกับกะโหลก ไล่ลงมาจนถึงชิ้น C7 ที่อยู่ติดกับกระดูกหน้าอก กระดูกคอมีลักษณะเป็นปล้องๆ ต่อกัน โดยมีหมอนรองกระดูก เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกแต่ละปล้องเชื่อมต่อกัน ทำหน้าที่รับน้ำหนัก ให้ความยืดหยุ่น กรณีที่ร่างกายเรามีการใช้งานคอมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการสึกหรอได้ หรือถ้ามีการใช้งานนานๆ เข้า ก็จะทำให้เสื่อมสภาพได้

กระดูกสันหลังคอ มีหน้าที่ปกต้องเส้นประสาท ปกป้องไขสันหลังให้ไม่ได้รับการกระทบเทือน กระดูกคอจะอยู่ใกล้ชิดกับเส้นประสาทมาก ซึ่งเส้นประสาทจะมีผลต่อการทำงานของแขน ขา ดังนั้น อาการปวดคอที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง บางครั้งอาจมีอาการเรื้อรัง และปวดร้าวไปถึงสะบัก ไหล่ หรือแขนได้

ความเสื่อมของหมอนรองกระดูก , กระดูกเสื่อม สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้น สำหรับผู้มีอาการกระดูกเสื่อมแล้ว ควรชะลอไม่ให้กระดูกเสื่อมมากขึ้นไปอีกกว่าที่เป็นอยู่ และสำหรับผู้ที่ยังไม่มีอาการกระดูกเสื่อม , เราควรป้องกัน หรือดูแลกระดูกของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยหมั่นบริหารร่างกายเป็นประจำ


อาการหมอนรองกระดูกคอเสื่อม หรือ กระดูกคอเสื่อม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ

  1. ระยะแรก อาการปวดคอ ปวดสะบัก แต่ยังไม่ปวดเส้นประสาท
  2. ระยะสอง หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท จะมีอาการปวดคอ และร้าวมาถึงมือ
  3. ระยะสาม กระดูกกดทับไขสันหลัง ซึ่งไขสันหลังเป็นส่วนที่ต่อจากสมอง ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขน ขา ทำให้การเดินผิดปกติ , ในรายที่เป็นน้อย จะมีอาการเดินเซ เดินไม่มั่นคง ในรายที่เป็นมาก อาจจะเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น

วิธีช่วยชะลอความเสื่อมของหมอนรองกระดูกคอ

สำหรับผู้มีอาการกระดูกเสื่อมแล้ว ควรชะลอไม่ให้กระดูกเสื่อมมากขึ้นไปอีกกว่าที่เป็นอยู่

- เปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการนั่งก้มหน้าทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ

- หมั่นออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณรอบคอ ทั้งท่าก้ม เงย เอียงคอซ้าย - ขวา หมุนคอ โดยใช้วิธีการออกแรงต้าน เพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง

- กรณีที่ปวดคอมาก ให้ใส่อุปกรณ์เพื่อช่วยพยุงคอ โดยทั่วไปไม่ควรใส่ติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อขี้เกียจแทรกซ้อน

- ทำกายภาพบำบัด โดยการเหยียดกล้ามเนื้อ, ดึงคอ, จัดรูปแนวกระดูกคอ โดยบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ


สาเหตุที่เกิดอาการปวดคอ

สาเหตุหลักของอาการปวดคอ มักเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ เนื่องจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากกระดูกคออยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง หรือกระดูกเสื่อม

- นอนตกหมอน ทำให้กล้ามเนื้อคออักเสบ เป็นผลให้มีอาการปวดคอ

- นั่งผิดท่า นอนผิดท่า หรืออยู่ท่าเดียวนานๆ เช่น นั่งก้มหน้าบ่อยๆ หรือทำงานเงยหน้านานๆ , การนอนหมอนสูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งไม่เหมาะสมกับลักษณะโครงสร้างกระดูกคอ

- ความเครียด หรือการนอนพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็งได้

- อุบัติเหตุ หรือการถูกกระแทกแรงๆ บริเวณคอ

- ภาวะข้อเสื่อม หรือมีกระดูกงอกออกมา

- โรคอื่นๆ เช่น โรคข้ออักเสบ ระยะแรก อาการปวดคอ ปวดสะบัก แต่ยังไม่ปวดเส้นประสาท


การเลือกหมอนให้เหมาะสมสำหรับการนอน

หมอนสุขภาพ ถูกออกแบบเพื่อรองรับโครงสร้างกระดูกต้นคอ

หมอนที่ดีควรมีการรองรับโครงสร้างที่เหมาะสมกับร่างกายของเรา , ความสูงของหมอน ต้องรองรับช่วงคอ, ช่วงหัวไหล่, แนวกระดูกคอ ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยให้แนวกระดูกสันหลังเรียงตัวกันได้อย่างถูกต้องอีกด้วย การเลือกหมอนควรเลือกหมอนที่มีทรง S-Curve เพื่อรองรับช่วงคอ ป้องกันการเสื่อมของกระดูกคอ โดยหมอนควรมีรูปทรงที่ support ทั้งท่านอนหงาย และท่านอนตะแคง ลักษณะของหมอนไม่ควรนิ่ม หรือแข็งเกินไป เนื่องจากจะทำให้กล้ามเนื้อคอเกิดอาการเกร็งเวลานอนได้ เป็นผลทำให้เกิดอาการปวดคอหรือคอเคล็ดตามมาได้

สำหรับผู้ที่มีปัญหาคอเคล็ด เนื่องจากนอนตกหมอน สามารถรับการรักษาจัดกระดูกคอได้ โดยอาการคอเคล็ดนั้น รักษาหายได้โดยการจัดกระดูกเพียงครั้งเดียว หมอทำการตรวจเช็คช่วงคอ ก็จะรู้ว่าอาการเจ็บเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร และมีอาการเจ็บตรงไหน ด้านซ้าย หรือด้านขวาของลำคอ นอกจากนี้คนไข้ที่มีอาการคอเคล็ดบ่อยๆ เนื่องจากนอนตกหมอน สามารถปรึกษาลักษณะหมอนที่เหมาะกับโครงสร้างของตนเอง ว่าหมอนควรมีความสูงเท่าไร ลักษณะอย่างไร เฉพาะแต่ละบุคคลโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม


วิธีแก้อาการปวดต้นคอ

หลากหลายวิธีรักษาอาการปวดต้นคอ

- นวดบริเวณลำคอ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่มีอาการคอเคล็๋ดคลายตัวลง

- นวดโดยใช้ยาที่มีคุณสมบัติช่วยแก้อาการอักเสบ เคล็ดขัดยอกของกล้ามเนื้อ เช่น เคาน์เตอร์เพนครีมทา และนวดเบาๆ บริเวณลำคอ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ

- บริหารกล้ามเนื้อคอ ตัวอย่างเช่น ก้มและยกศรีษะขึ้น โดยก้มศรีษะให้ปลายคางใกล้กับหน้าอกมากที่สุด ทำค้างไว้ 5 วินาที แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าค้างไว้อีก 5 วินาที ทำประมาณ 5 รอบ เพื่อช่วยแก้คอเคล็ด

- รักษาอาการปวดต้นคอ แก้คอเคล็ดด้วยน้ำแข็ง โดยใช้ผ้าหรือถุงพลาสติกมาห่อน้ำแข็งเอาไว้ แล้วใช้ประคบบริเวณต้นคอ ทำครั้งละ 10-15 นาที ทุกๆ 2 ชั่วโมง กดจุดเพื่อรักษาอาการ

- จัดกระดูกโดยควรให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องโครงสร้างกระดูก , เส้นเอ็น , เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ เพื่อตรวจสอบปัญหา สาเหตุของอาการปวด และแนะนำท่าทางการกายภาพบำบัด ที่ถูกต้องหลังการรักษา


ข้อควรรู้เกี่ยวกับการจัดกระดูก

ปวดหัว ปวดไมเกรน ปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดสบัก ปวดสะโพก ปวดแขน ปวดขา ผ่อนคลาย บรรเทาได้

- การจัดกระดูก เป็นการปรับโครงสร้างร่างกาย เพื่อจัดเรียงแนวกระดูกให้เข้าที่ อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องสมดุล ทำให้กระดูกไม่ไปกดทับอวัยวะอื่นๆของร่างกาย ในบางรายที่โครงสร้างกระดูกไม่สมดุลมาเป็นเวลานานหลายปี หลังจากที่มีการจัดกระดูกให้เข้าที่แล้ว แต่ยังคงมีการกลับไปใช้ท่าทางที่ผิด หรือ อิริยาบถที่ไม่ถูกต้องอยู่ ก็มีโอกาสทำให้กระดูกค่อยๆเคลื่อนกลับมาในตำแหน่งเดิมที่ไม่สมดุลอีก ดังนั้น หลังจากจัดกระดูกแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้อิริยาบทซ้ำๆ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้กระดูกอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สมดุลอีก ดังนั้น สำหรับบางรายที่มีอาการเรื้อรัง คือเป็นมานานแล้ว อาจจะต้องเข้ารับการจัดกระดูกอย่างต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงอิริยาบทแบบเดิม และอาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วยรัดร่างกาย เพื่อช่วยพยุงโครงสร้างกระดูกไม่ให้ผิดแนว นอกจากนี้อาจจะต้องมีการบริหารร่างกายในท่าที่ถูกต้อง เพื่อให้เห็นผลในการรักษาที่รวดเร็วขึ้น

- การจัดกระดูกเป็นวิธีการรักษาที่สาเหตุ กรณีที่สาเหตุการปวดเกิดจากกระดูกกดทับเส้นประสาท เป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดอาการปวด, กล้ามเนื้ออักเสบ เลือดไหลเวียนไม่สะดวก


การออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อคอ

การออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อคอ สามารถช่วยลดอาการปวดคอ คอเคล็ดได้

ยืดกล้ามเนื้อและค้างไว้ 10-20 วินาที ทำท่าละ 3-5 ครั้ง

บริหารเพื่อสร้างความแข็งแรง โดยวางฝ่ามือดังรูป เกร็งกล้ามเนื้อคอดันสู้กับฝ่ามือ ศีรษะอยู่นิ่ง เกร็งค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนคลาย ทำซ้ำท่าละ 3-5 ครั้ง